เรือประจัญบานมุซาชิ ( 武蔵 ) เป็นเรือประจัญบานของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นเรือธงแห่งกองเรือผสม ได้รับการตั้งชื่อตามจังหวัดมุซาชิซึ่งเป็นชื่อจังหวัดในสมัยโบราณของญี่ปุ่น เป็นเรือลำที่สองในชั้นยามาโตะต่อจากเรือประจัญบานยามาโตะ เป็นเรือที่หนักและติดอาวุธหนักที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างขึ้นมา ด้วยระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 72,800 ตันและติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 460 มม.ถึง 9 กระบอก
เรือสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1938–1941 และขึ้นระวางอย่างเป็นทางการในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1942 มุซาชิทำหน้าที่เป็นเรือธงของพลเรือเอกอิโซรกคุ ยามาโมโต้และมินีชิ โคะงะ (Mineichi Koga) ในปี ค.ศ. 1943 ตลอดปี ค.ศ. 1943 มุซาชิจอดทอดสมออยู่ในฐานทัพเรือที่ทรูก คุเระ และบรูไน แห่งใดแห่งหนึ่งขึ้นอยู่กับการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ มุซาชิอับปางเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1944 โดยเครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินในระหว่างยุทธนาวีอ่าวเลย์เต
รือได้ต่อขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 1938 ที่อู่ต่อเรือมิตซูบิชิ ในจังหวัดนางาซากิ ต่อหลัง เรือประจัญบานยะมะโตะ ประมาณ 4 เดือน และสร้างเสร็จในวันที่ 1 พฤศจิกายน 1940 และได้รับคำสั่งปฏิบัติการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 1942 มูซาชิ นอกจากจะติดอาวุธอานุภาพสูงเหมือน ยะมะโตะ แล้ว ยังประกอบด้วยเครื่องบินสะเทินน้ำ ประมาณ 6-7 ลำ เพื่อใช้ลาดตระเวณอีกด้วย
คำว่า มูซาชิ มาจากชื่อ จังหวัดมูซาชิ ซึ่งเป็นจังหวัดโบราณของญี่ปุ่น ในปัจจุบันจังหวัดนี้ ประกอบด้วย โตเกียว จังหวัดไซตะมะ และ จังหวัดคะนะงะวะ
ในกลางปี 1942 มูซาชิ ได้รับแต่งตั้งเป็นเรือธง ประจำกองเรือผสม
โดยมี พลเรือเอก อิโซะโระกุ ยะมะโมะโตะ เป็นผู้บัญชาการเรือ ต่อจากนั้นในปี 1943 เรือได้ย้ายไปประจำการที่ทรูก ( Truk ) โดยระหว่างประจำการที่นั่น กองเรือมูซาชิ ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการหลบหลีกการตรวจจับของกองเรือสหรัฐก็ได้มีการปะทะกับทัพเรือสหรัฐ และฝ่าวงล้อมกันหลายครั้ง
หลังจากนั้น มูซาชิ ได้ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในการถ่ายโอนกองกำลังทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ระหว่างญี่ปุ่นและตามหมู่เกาะต่างๆ ที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองมาได้ อยู่หลายครั้งในปี 1944
มูซาชิซึ่ง ได้เข้าร่วมยุทธนาวีอ่าวเลย์เต ร่วมกับเรือประจัญบานยะมะโตะ ซึ่งถือว่าเป็นยุทธนาวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามทางทะเล ยุทธนาวีครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นบริเวณทะเลฟิลิปินส์ ในวันที่ 23 -26 ตุลาคม 1944 ซึ่งในตอนนั้นเอง มูซาชิ เพิ่งได้รับการทาสีใหม่ จึงเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของฝั่งศัตรู ศึกครั้งนี้ ญี่ปุ่นครองกำลังเรือรบประมาณ 70 ลำ และเครื่องบินกว่า 300 ลำ ส่วนฝั่งพันธมิตร ( สหรัฐและออสเตรเลีย ) ถือว่าได้เปรียบกว่ามาก ด้วยเรือรบมากถึง 300 ลำและเครื่องบินอีกกว่า 1,500 ลำ
ในเวลา 13.31 น. มูซาชิ ได้ตกเป็นเป้ายิงของ เครื่องบินรบ รวมถึงเรือดำน้ำ โดยเครื่องบินรบจำนวน 29 ลำ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส เอสเซ็กส์ และ ยูเอสเอส เล็กซิงตัน มูซาชิ ถูกตอปิโดร์ มากกว่า 4 ลูก ยิงเข้าใส่ตัวเรือ เป็นเหตุให้น้ำเริ่มท่วมเข้ามายังเรือ และความเร็วลดลงเหลือเพียง 20 น็อต 2 ชั่วโมงต่อมา มูซาชิ ก็ถูกเครื่องบิน เฮลไดเวอรส์ ( Helldivers ) จากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอสเอนเทอร์ไพรส์ ยิงตอร์ปิโดร์เข้าใส่ มากกว่า 3 ลูก จนเรือส่วนเสียความเร็วลง จนตอนนี้เหลือเพียง 13 น็อตแล้ว และในเวลา 15.32 น. เครื่องบินอีก 37 ลำ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส แฟรงคลิน และยูเอสเอส เคบ็อต ( Cabot ) จนมูซาชิ ถูกระเบิดซ้ำไปถึง 13 ลูก และตอร์ปิโดร์อีกกว่า 11 ลูก จนความเร็วตกไปเหลือที่ 6 น็อต สรุปแล้ว มูซาชิ ถูกตอร์ปิโดร์ไปทั้งหมด 19 ลูก และระเบิดอีก 17 ลูก สถานการณ์ตอนนี้ มูซาชิ เริ่มมีสัญญาณที่จะจมลงแล้ว
ในเวลา 19.15 น. ลูกเรือทั้งหมดก็ได้เตรียมตัว ที่จะสละเรือ และเริ่มทยอยออกจากเรือไปในอีก 15 นาทีต่อมา ในเวลา 19.36 เรือมูซาชิ ก็ได้คว่ำลง และจมลงในเวลาต่อมา ที่ความลึก 1,350.3 เมตร โดย อิโนกูชิ ผู้บัญชาการเรืออีกคนของเรือ เลือกที่จะจมลงไปกับเรือ และลูกเรือจำนวน 1,376 นาย จากทั้งหมด 2,999 นาย ได้การช่วยเหลือ
ถึงแม้ เรือประจัญบานมูซาชิ จะยิ่งใหญ่ใกล้เคียง ยะมะโตะ ลำหนึ่ง แต่ก็นับว่า เป็นเรือที่หาภาพได้ยากมากที่สุด เพราะตอนสร้างนั้น ลับสุดยอด ภาพในอดีตของเรือจึงหาชมได้ยาก ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงได้ดีว่า เรือที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานตัวใด มายืนยันได้มากกว่านี้เลยว่า เรือลำนี้เป็นอย่างไร นอกจากตัวลำเรือจริงๆ ที่อยู่ใต้มหาสมุทร ลงไปกว่า 1 กม. นั่นเอง.
มูซาชิ กับ ยะมะโตะ |
ในกลางปี 1942 มูซาชิ ได้รับแต่งตั้งเป็นเรือธง ประจำกองเรือผสม
โดยมี พลเรือเอก อิโซะโระกุ ยะมะโมะโตะ เป็นผู้บัญชาการเรือ ต่อจากนั้นในปี 1943 เรือได้ย้ายไปประจำการที่ทรูก ( Truk ) โดยระหว่างประจำการที่นั่น กองเรือมูซาชิ ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการหลบหลีกการตรวจจับของกองเรือสหรัฐก็ได้มีการปะทะกับทัพเรือสหรัฐ และฝ่าวงล้อมกันหลายครั้ง
หลังจากนั้น มูซาชิ ได้ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในการถ่ายโอนกองกำลังทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ระหว่างญี่ปุ่นและตามหมู่เกาะต่างๆ ที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองมาได้ อยู่หลายครั้งในปี 1944
มูซาชิซึ่ง ได้เข้าร่วมยุทธนาวีอ่าวเลย์เต ร่วมกับเรือประจัญบานยะมะโตะ ซึ่งถือว่าเป็นยุทธนาวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามทางทะเล ยุทธนาวีครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นบริเวณทะเลฟิลิปินส์ ในวันที่ 23 -26 ตุลาคม 1944 ซึ่งในตอนนั้นเอง มูซาชิ เพิ่งได้รับการทาสีใหม่ จึงเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของฝั่งศัตรู ศึกครั้งนี้ ญี่ปุ่นครองกำลังเรือรบประมาณ 70 ลำ และเครื่องบินกว่า 300 ลำ ส่วนฝั่งพันธมิตร ( สหรัฐและออสเตรเลีย ) ถือว่าได้เปรียบกว่ามาก ด้วยเรือรบมากถึง 300 ลำและเครื่องบินอีกกว่า 1,500 ลำ
มูซาชิ ขณะถูกเครื่องบินจากสหรัฐ ถล่มเข้าใส่ |
ในเวลา 19.15 น. ลูกเรือทั้งหมดก็ได้เตรียมตัว ที่จะสละเรือ และเริ่มทยอยออกจากเรือไปในอีก 15 นาทีต่อมา ในเวลา 19.36 เรือมูซาชิ ก็ได้คว่ำลง และจมลงในเวลาต่อมา ที่ความลึก 1,350.3 เมตร โดย อิโนกูชิ ผู้บัญชาการเรืออีกคนของเรือ เลือกที่จะจมลงไปกับเรือ และลูกเรือจำนวน 1,376 นาย จากทั้งหมด 2,999 นาย ได้การช่วยเหลือ
ถึงแม้ เรือประจัญบานมูซาชิ จะยิ่งใหญ่ใกล้เคียง ยะมะโตะ ลำหนึ่ง แต่ก็นับว่า เป็นเรือที่หาภาพได้ยากมากที่สุด เพราะตอนสร้างนั้น ลับสุดยอด ภาพในอดีตของเรือจึงหาชมได้ยาก ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงได้ดีว่า เรือที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานตัวใด มายืนยันได้มากกว่านี้เลยว่า เรือลำนี้เป็นอย่างไร นอกจากตัวลำเรือจริงๆ ที่อยู่ใต้มหาสมุทร ลงไปกว่า 1 กม. นั่นเอง.
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น